ขายของในต่างประเทศลองทดลองใช้Shopifyเพื่อขายของ

เว็บสำเร็จรูป เหมาะกับขายสินค้าในต่างประเทศShopify

ปัจจุบันนี้คนทำมาค้าขายแบบออนไลน์มีค่อนข้างมาก และจำนวนมากใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางหนึ่งเหมือนเป็นหน้าร้านสำหรับการขายสินค้าโดยตรง โดยมากก็เกิดเพจแล้วนำสินค้าขึ้นมาโพสต์ ใส่รายละเอียดต่าง ๆ ให้คนสั่งซื้อ ทุกอย่างทำกันแบบแมนวล ซึ่งหากขายกันแบบมือสมัครเล่นเป็นรายได้เสริม วิธีนี้ถือว่าใช้ได้ แม้ขั้นตอนต่าง ๆ จะยุ่งยาก เนื่องจากไม่ได้เป็นระบบแบบอัตโนมัติ

ลองเข้าเยียมชมเว็บ

Shopify

แต่ถ้าค้าขายแบบจริงจังมากขึ้น มีจำนวนสินค้ามากขึ้น และปริมาณการสั่งซื้อมากขึ้นก็ควรได้เวลาการอัพเกรดเพจบนเฟซบุ๊ก ที่ใช้ขายของให้เป็นหน้าร้านแบบมืออาชีพมากขึ้น เพื่อลดขั้นตอนของงานลง ให้ระบบจัดการเรื่องการรับออร์เดอร์ การรับชำระเงินและการยืนยันการชำระเงินไปเลยโดยอัตโนมัติ

ที่หยิบประเด็นมาเขียนถึงก็เพราะพอดีเห็นโฆษณาชิ้นหนึ่งของ Shopify ที่แทรกขึ้นมาบนไทม์ไลน์ของเฟซบุ๊ก เป็นบริการการเปิดหน้าร้านหรือสโตร์ฟรอนต์บนเฟซบุ๊ก ซึ่งช่วยให้หน้าร้านบนเฟซบุ๊กดูเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น อำนวยความสะดวกทั้งกับลูกค้าและคนขายเอง 

ความจริงวิธีการเปิดหน้าร้านบนเฟซบุ๊กผ่านแอปพลิเคชั่นนั้นมีไม่น้อย ในไทยบางเจ้าก็มีเพียงแต่ไม่ได้โผล่มาให้เป็นที่รู้จักเหมือน Shopify การซื้อพื้นที่โฆษณาบนเฟซบุ๊กก็ถือเป็นเรื่องควรให้ความสนใจอีกเรื่องหนึ่ง แต่ขอไม่กล่าวถึงในคราวนี้

Shopify เป็นบริการเปิดร้านค้าออนไลน์ของต่างประเทศที่น่าสนใจ ปัจจุบันมีร้านค้าราว ๆ 100,000 รายทั่วโลก เปิดค่อนข้างง่ายโดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษอะไร หน้าร้านสามารถคัสตอมไมซ์ให้เป็นไปตามที่ต้องการออกมาได้ ระบบทุกอย่างมีพร้อมสรรพเหมือนร้านค้าออนไลน์มาตรฐานทั่วไป ที่รวมระบบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตทั้งวีซ่า มาสเตอร์การ์ด อเมริกันเอ็กซ์เพรส และเพย์พาล 

เจ้าของร้านบริหารจัดการร้านผ่านอุปกรณ์หลากหลายทั้งพีซี แท็บเลต สมาร์ทโฟน ครอบคลุมแพลตฟอร์มหลักครบถ้วน 

ค่าบริการร้านออนไลน์แบบพื้นฐานที่ไม่มีลูกเล่นอะไรนัก ตกเดือนละ 29 เหรียญ ค่าทรานแซ็กชั่น 2% ไม่จำกัดจำนวนสินค้า หรือแบบขั้นต้นเดือนละ 14 เหรียญ จำกัดสินค้าไม่เกิน 25 รายการ ขยับขึ้นไประดับโปรฯ 79 เหรียญ ทรานแซ็กชั่น 1% และอันลิมิเต็ด 179 เหรียญ ไม่คิดค่าธรรมเนียมการขาย

เปิดร้านออนไลน์แล้วแถมเฟซบุ๊กสโตร์ฟรอนต์ฟรี เพียงติดตั้งแอปพลิเคชั่นShopify บนเฟซบุ๊ก จากนั้นเชื่อมโยงกับเพจที่ต้องการและเลือกสินค้าจากร้านออนไลน์ให้ไปแสดงบนเฟซบุ๊ก ลูกค้าก็สั่งซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊กได้อีกทางหนึ่ง 

บริการอีกอย่างของ Shopify คือ POS เป็นการเชื่อมโยงร้านค้าจริง โดยอุปกรณ์ที่ใช้คือ ไอแพด ดีตรงที่ข้อมูลสินค้าและการขายทั้งจากร้านค้าปลีก และร้านออนไลน์ซิงก์เข้าด้วยกัน สะดวกขึ้นสำหรับการบริหารจัดการ รวมไปถึงข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับการทำมาค้าขายทุกวันนี้ ทั้งการบริหารสต๊อกหรือการส่งเสริมการขาย

ร้านค้าออนไลน์ในบ้านเรา เท่าที่ประสบมากับร้านค้าทั่ว ๆ ไป ค่อนข้างอนาถาอยู่สักหน่อย ขาดแคลนแม้กระทั่งระบบการชำระเงินอัตโนมัติซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะมีได้แล้วในยุคนี้ 

ผลการแข่งขั้นอีคอมเมิร์ซของ Shopify ครั้งที่ 3

Shopify ได้เปิดแข่งขันร้านค้ายอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าของ Shopify เอง ปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 แล้วในการจัดการแข่งขัน โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 ร้านค้า ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 55 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,650 ล้านบาท) โดยจะคัดเลือกให้เหลือผู้ชนะเพียง 5 ราย ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 50,000 เหรียญสหรัฐ (1.5 ล้านบาท) รับทริปเที่ยวนิวยอร์ค กับผู้เชี่ยวชาญร้านค้าอนนไลน์ ได้ลงบทความในิตยสาร Fast Company และงบโฆษณาออนไลน์ 20,000 เหรียญสหรัฐ (6 แสนบาท)

ขอบอกก่อนว่า จากผลการแข่งขัน เราจะเห็นว่าแต่ละร้านไม่ธรรมดาเลย เพราะไม่ใช่ว่าทำหน้าตาสวยๆ มีข้อมูลเยอะๆ น่าสนใจ แล้วจะชนะการแข่งขัน แต่ต้องเริ่มจากตัวสินค้า ที่หากไม่เป็นสินค้าที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ก็ต้องนำมาใส่ไอเดียสร้างสรรค์กัน ตั้งชื่อทำแบรนด์ให้แข็งมีเอกสักษณ์ที่โดดเด่น เป็นปัจจัยพื้นฐานของผู้ชนะครั้งนี้ สินค้าแบบซื้อมาขายไปนั้นเลิกพูดได้เลย คงไม่ได้เข้ารอบมาแน่ จึงไว้เป็นไอเดียสำหรับใครที่อยากเปิดร้านค้าขายของออนไลน์

สำหรับผู้ชนะ 5 รายได้แก่ 

1. กลุ่มแฟชั่นและเสื้อผ้า ร้าน Fresh-Tops.com

ร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงเน้นเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ลำลองมากๆ เช่น เสื้อกล้ามใส่เล่น เกางเกงขาสั้นขาวยาว จุดเด่นของ Fresh Tops คือ รูปแบบเสื้อผ้าทำให้ดูอกแนวๆ สีสรรฉูดฉาด ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญคือการใช้ social media อย่างเต็มที่ ในการสร้างแบรนด์ เพราะจริงๆ เสื้อผ้าที่ Fresh Tops ขาย ก็ไม่ได้มีลักษณะพิเศษ หรือคุณสมบัติที่เหนือกว่าเสื้อผ้าอื่นอย่างไร ก็คงเป็นเสื้อผ้าที่ร้านอื่นทำได้ แต่การสร้างแบรนด์ของ Fresh Tops ผ่าน Social Media ทำให้เกิดความแตกต่างจากร้านเสื้อผ้าอื่นอย่างมาก

2. กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และแก็ดเจ็ด ร้าน GameKlip 

GameKlip คือ แท่นเล่มเกมส์มือถือ ออกแบบโดย ไรอัล เฟรนซ์ (Ryan French) โดยนำคอนโทรลเลอร์เล่นเพลย์ สเตชั่น ของโซนี่ มาต่อกับตัวยึดโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถเล่นเกมส์บนสมาร์ทโฟนถึงใจได้อารมณ์มากขึ้น เเท่นเล่นเกมส์นี้จึงได้รับความนิยมได้อย่างรวดเร็ว

3. กลุ่มงานออกแบบ ศิลปะและบ้าน ร้าน GoldieBlox

GoldieBlox ได้รับแรงบันดาลใจจากของเล่นตัวต่อ Lego ซึ่งทำให้เดบเบิ้ล สตาร์ลิ่ง (Debbie Sterling) ประดิษฐ์ของเล่นชนิดใหม่ให้เหมาะกับเด็กหญิงเล็กๆ จนในที่สุดเธอก็ได้นำโครงการนี้ขอทุนใน Kickstarter และได้ทุนมาถึง 285,881 เหรียญสหรัฐ (8.5 ล้านบาท) ด้วยความโดดเด่นของรูปแบบ สีสรร และเหมาะสำหรับเด็กจริงๆ จึงทำให้สินค้านี้มีความไม่เหมือนใครในตลาด

4. กลุ่มสินค้าอื่นๆ SkinnyMe Tea

เป็นชาลดความอ้วน ดีท๊อกซ์ หรือในชื่อที่รู้จักกันในวงการผู้ลดความอ้วนคือ Teatox ความโดดเด่นของรายนี้คือการสร้างแบรนด์ เน้นสร้างการรับรู้การลดความอ้วนด้วยชา SkinnyMe Tea

5. กลุ่มสินค้าจากแคนาดา Canadian Icons

เกิดจากแรงบันดาลใจของเอรอน สลิปาคอฟฟ (Aron Slipacoff) ที่ต้องการขายสินค้าจากแคนนาดา โดยเอรอน เชื่อมันว่าสินค้าแคนาดาที่เค้านำมาชายมีความโดดเด่น จึงทำให้เอรอนทุ่มเทในการสร้างแบรนด์ และกลายเป็นร้านที่น่าสนใร้านหนึ่งใน Shopify