ระวัง! 3+1 โรคร้ายที่มากับเทคโนโลยี

ระวัง!  3+1 โรคร้ายที่มากับเทคโนโลยี แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้เกิดช่องทางให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมาหาเราได้ง่ายขึ้น ทั้งโรคที่มีอยู่และโรคที่เกิดใหม่ เท่าที่พบเจอกันง่ายๆ ในปัจจุบันโดยทั่วไปก็มี 1. โรคทางตา เนื่องจากหลายๆ คนจ้องจอไม่ว่าจะเป็นจากสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, โน๊ตบุ๊ค, พีซี ค่าเฉลี่ยในการใช้งานในประเทศเรานับว่าสูงมาก 7.2 ชม.ต่อวัน หรือเรียกว่าแทบจะ 1 ใน 3 ของเวลาในแต่ละวันเลยทีเดียว ยิ่งบางคนชอบเล่นแชตในที่มืด แสงยิ่งเข้าตามากเป็นพิเศษ ลองสังเกตุกันง่ายๆ ว่าบางทีรู้สึกตาแห้ง บางครั้งเริ่มมองอะไรพร่ามัวไปบ้าง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการเริ่มต้นที่ทำให้มีปัญหาทางสายตา สายตาสั้น, สายตายาว, สายตาเอียง, ต้อลม วิธีป้องกัน ก็ลดเวลาลงในการใช้งาน (อาจจะยากซักหน่อย) หรือ ใช้ฟิล์มกรองแสงที่กรองแสงสีฟ้าไม่ให้เข้าสู่ตาเรา อันนี้ต้องลงทุนเพิ่มสักนิด หรือไม่ก็ซื้อแว่นใช้กับคอมพิวเตอร์ที่สามารถกรองแสงหน้าจอได้ 2. โรคท้องร่วง เฮ้ย...มันไม่น่าจะเกี่ยวกันเลยนะ ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตแล้วจะเกิดท้องร่วง หรืออย่างน้อยๆ ก็ท้องเสียธรรมดา แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณต้องลองคิดดูดีๆ ว่าคุณทำความสะอาดหน้าจออุปกรณ์เหล่านี้บ่อยแค่ไหน เวลาคุณสัมผัสแล้วก่อนหยิบของกินเข้าปาก ซึ่งโดยมากจะเป็นขนมขบเคี้ยวน่ะ คุณได้ล้างมือก่อนหรือเปล่า เอากันตามจริงนะ มีบางคนไม่ได้ทำความสะอาดหน้าจอเป็นอาทิตย์ๆ เลย ยิ่งเฉพาะคนที่ใช้ฟิล์มกันรอยที่ไม่ใช่ฟิล์มใส ที่เน้นสัมผัสไม่ลื่นน่ะ มันเป็นตัวพรางรอยเปื้อนรอยเรอะได้เป็นอย่างดีเลย เท่ากับว่าหน้าจอก็เป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรคไว้ให้เราอย่างดีเลย ไม่ต้องขยะแขยงจนเลิกใช้ วิธีป้องกัน แค่เราทำความสะอาดมันบ่อยๆ ดีกว่ามั้ยล่ะ แล้วจะหยิบขนมอะไรกินก็ไปล้างมือให้สะอาดซะก่อน เลิกเล่นไปในช่วงนั้นซักแปบนึงคงไม่ถึงกับลงแดงหรอก 3. โรคออฟฟิศซินโดรม คือการนั่งทำงานหรือเล่นอยู่หน้าจอนานจนเกินไป ไม่มีการเปลี่ยนอริยาบทบ่อยๆ คือแบบว่ากำลังเข้าญาณว่างั้นเถอะ กำลังเกิดสมาธิขั้นสูงสุด ใครนินทาอะไรก็ไม่ได้ยินแล้ว ยิ่งก้มหน้าก้มตาด้วยล่ะก็เหมือนเป็นตัวเร่งชั้นดีเลย มันจะเริ่มตั้งแต่เมื่อยคอ เมื่อยไหล่ ไปยันเอว บางทีก็มีอาการปวดแผ่นหลังด้วย คนที่อายุไม่มากอาจจะเกิดอาการแบบนี้ช้า แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ไม่ไกลตัวแน่นอน ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่เป็นประจำทุกวันๆ บอกเลยวันหนึ่งต้องเจอแน่ วิธีการป้องกัน ทุกๆ หนึ่งชั่วโมงบิดตัว, บิดขี้เกียจ หากใครกลัวเสียภาพลักษณ์ ก็บอกว่าบิดขยัน ขยับคอขยับไหล่บ้าง แล้วค่อยกลับมาทำต่อ ร่างกายของเรานะใครจะมองแบบไหนปล่อยๆ ไปบ้าง เวลาเจ็บป่วยเขาไม่ได้มาช่วยอะไรได้มากนะ แล้วก็โรคแถม +1 ล่ะ ก็โรคกรดไหลย้อนไง คนสมัยก่อนมักจะไม่ค่อยเป็นกันนะ ลองไปสอบถามคนรุ่นก่อนๆ แทบไม่เคยได้ยินโรคนี้กันเลย แต่ในปัจจุบันได้ยินกันบ่อยมาก ในทีวีถึงกับมีโฆษณายาลดกรดไหลย้อน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัทขายยาที่บรรจงรังสรรค์ยานี้มาให้เลย เรื่องเหล่านี้มันใกล้ตัวมาก มันไม่ยากหรอกที่จะป้องกันไว้ก่อน อย่าให้ความเคยชินเข้ามาเป็นตัวกั้น หรือคิดว่ามันไม่เกิดกับเรา มันเป็นเรื่องแค่อย่าประมาทกับโรคที่มากับเทคโนโลยีเท่านั้นเอง และท้ายนี้มีวีดีโอดีๆ ที่เป็นท่ากายบริหารสำหรับป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรมโดยเฉพาะ มีประโยชน์มากจึงขออนุญาติเอามาแปะไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออีกหลายๆ คน ขอขอบคุณผู้ที่จัดทำคลิปนี้ไว้ด้วย